Thailand Tours Vietnam Tours Cambodia Tours วิเคราะห์ศัพท์ ศิลปะ -- ผีมือ (เทคนิค วิธีการ การปฏิบัติ) บริหาร -- ดำเนินการ จัดการ (การดำเนินการเพื่อให้บรรลุภารกิจ) หัวหน้างาน -- ทุกตำแหน่งที่มีคำว่า “หัวหน้า” หรือ “ผู้อำนวยการ” -- หรือชื่อตำแหน่งอื่นที่มี “ลูกน้อง” สรุปเป็น “ฝีมือการจัดการงานของหัวหน้างาน” หรือ “เทคนิควิธีการบริหารงานของหัวหน้างาน” หัวข้อบรรยาย ๑. ความหมายและหัวใจของการบริหารงาน ๒. เทคนิควิธีการปฏิบัติต่อ “คน” ๓. เทคนิควิธีการปฏิบัติต่อ “งาน” ๔. เทคนิควิธีการปฏิบัติต่อ “เวลา” ๕. เทคนิควิธีการปฏิบัติต่อ “ทรัพยากร” ๖. สรุป ความหมายและหัวใจของการบริหารงาน - การบริหารงาน คือ วิธีการใช้ “คน เงิน เวลา ทรัพยากร” ที่มีอยู่ เพื่อปฏิบัติภารกิจของหน่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด - “คน” เป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากบริหาร “คน” ได้ คนก็จะช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ - “ใจ” เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของ “คน” หาก “ครองใจ” ได้ ก็จะ “ครองคน” ได้ - จะ “ครองใจ” คนได้ ต้อง “จริงใจ” กับเขาก่อน - จะ “จริงใจ” กับผู้อื่นได้ ต้อง “จริงใจ” กับตัวเองก่อน - เวลา -- เป็นปัจจัยกำหนดความสมบูรณ์ของงาน และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ใช้ควบคุมการปฏิบัติงาน - ทรัพยากร -- วัสดุอุปกรณ์ทั้งมวลที่เกี่ยวข้องในการทำงาน เช่น รถยนต์ น้ำมัน คอมพิวเตอร์ ฯลฯ เทคนิควิธีการปฏิบัติต่อ “คน” - แบ่งเป็น ๔ พวก คือ ๑. ตัวเรา ๒. นาย ๓. ลูกน้อง ๔. ระดับเดียวกัน - ในขณะที่เราเป็น “หัวหน้า” เราก็เป็น “ลูกน้อง” ของ “นาย” - เราอยากมี “นาย” ที่ดี ลูกน้องเราก็อยากมีเหมือนกัน - เราไม่ชอบ “นาย” แบบไหน ลูกน้องเราก็ไม่ชอบเหมือนกัน๑. การปฏิบัติต่อตนเอง - ยึดคติเตือนใจที่ดีและพยายามปฏิบัติให้ได้ตามนั้น -- บุคคลสำคัญ ทางโลก - ทางธรรม - ปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างในเรื่องที่คนทั่วไปมักจะปฏิบัติย่อหย่อน เช่น * การแต่งกายถูกระเบียบ การทำความเคารพ * การตรงต่อเวลาในการเข้าทำงานเช้า พักกลางวัน และเวลากลับบ้าน * การไม่ใช้โทรศัพท์ราชการติดต่อเรื่องส่วนตัว * การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบของโต๊ะทำงาน * การประหยัดไฟฟ้าด้วยการปิด - เปิดไฟ/เครื่องปรับอากาศ ตามเวลาที่กำหนด * การไม่กู้หนี้ยืมสิน ไม่เล่นหวยใต้ดินในที่ทำงาน * ไม่สวมรองเท้าแตะนั่งทำงาน หรือเดินออกนอกโต๊ะทำงาน - สร้างความสัมพันธ์อันดีกับหน้าห้องผู้บังคับบัญชาทุกระดับที่หนังสือจะต้องผ่าน - มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ ทุกคนในหน่วย เมื่อถึงวันเกิดหรือเทศกาลปีใหม่ - ใช้หลักธรรมะในการปฏิบัติงาน ที่ใช้ประจำได้แก่ * เราจะให้อภัย ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่อึดอัดขัดเคืองผู้ใด หรือเรื่องใด * เราจะช่วยเหลือผู้อื่นตามหน้าที่ กำลัง และโอกาสที่จะพึงทำได้ * เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนที่ดีเขามีอยู่ เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย จะหาคนมีดีโดยส่วนเดียว อย่ามัวเที่ยวมองหาสหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง * กรรมบท ๑๐ ได้แก่ กาย ๓ (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม) วาจา ๔ (ไม่พูดปด ไม่พูดหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ) ใจ ๓ (ไม่คิดอยากได้ทรัพย์ผู้อื่น – โลภะ ไม่ผูกอาฆาต – โทสะ มีความเห็นถูกต้อง – โมหะ) * แก้ที่คนอื่นยาก ต้องแก้ที่ใจเรา - ตั้งใจที่จะพัฒนาจิตใจตนเองให้มีจริยธรรมคุณธรรมและศีลธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น โดยเฉพาะเวลาขับรถ ใช้เป็นโอกาสในการพัฒนาจิตใจได้มาก ไม่ปล่อยใจไปตามกระแสสังคมซึ่งต้องเอาตัวรอด ขอไปก่อน ขอไปเร็ว ไม่มีน้ำใจให้กัน - รับการแสดงการเคารพของผู้อื่นด้วยความเคารพ ยิ้มแย้มแจ่มใส โค้งตอบเมื่อเขาเงยหน้าแล้ว - ไม่รับสินบนหรือของกำนัลในลักษณะสินบนจากบุคคลอื่น๒. การปฏิบัติต่อนาย - ซื่อสัตย์ จริงใจต่อนายและลูกน้อง ถือหลัก รายงาน นาย ทุกเรื่อง กระจายข่าวสารให้ลูกน้องทราบ แลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อนร่วมงาน - รายงานเรื่องที่ทำการแทนนาย ทันที่ที่ท่านกลับมา หรือเขียนโน้ตทิ้งไว้บนโต๊ะนาย - เมื่อนายเหนือขึ้นไปเรียกนายเรา ช่วยคิดและคาดเดาว่าจะเป็นเรื่องอะไร เสนอแฟ้มอะไรขึ้นไปหรือสอบถามหน้าห้อง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่นายเรา เอาเรื่องเดิมมาให้ท่านทบทวน เสนอแนะจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหา และคำตอบหรือคำชี้แจงต่อผบช. - ไม่งอนหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจนาย เมื่อนายใช้อารมณ์กับเรา - ไม่เถียงนายต่อหน้าผู้อื่น ใช้วิธีขออนุญาตชี้แจงเมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว - ไม่ต้องให้นายสั่งไปเสียทุกเรื่อง - ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของนาย - ไม่ทำหรือส่งเสริมหรือสนับสนุนให้นายทำในสิ่งที่ผิดศีลธรรม, คุณธรรม, จริยธรรม, ระเบียบ, ข้อบังคับ ตลอดจนกฎหมายบ้านเมือง - ไม่ประพฤติตนผิดศีลธรรม, จริยธรรม, ระเบียบ, ข้อบังคับ, กฎหมายบ้านเมือง จนมีเรื่องเดือนร้อนมาถึงนาย - ไม่ใช้หน้าที่และฐานะที่อยู่หน้าห้องนาย เพื่ออำนวยประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง หรือคนในครอบครัวในทางที่ไม่สมควร - ไม่ตอบนายว่า “ไม่ทราบ” อยู่เสมอ ๆ ควรใช้คำพูดว่า “ขออนุญาตไปตรวจสอบก่อน” - กล้าพูด กล้าถาม กล้าแสดงความคิดเห็นทุกเรื่อง อย่างตรงไปตรงมา - เสนอแนะนายในการดูแลสวัสดิการและความก้าวหน้าของเพื่อนร่วมงานและลูกน้อง - ทำใจให้พร้อมที่จะรองรับอารมณ์โกรธหรือถูกด่าว่า ถูกตำหนิจากนาย (บางคน) โดยไม่แสดงออกซึ่งความไม่พอใจ - ชี้แจงเหตุผลให้นายทราบเมื่อนายอารมณ์เย็นลงแล้ว - ริเริ่มวาดภาพล่วงหน้าเสมอ สมมุติว่าถ้าเราเป็นนายเราจะต้องไปไหน ทำอะไรบ้างในวันนี้และพรุ่งนี้ ควรจะต้องรับรู้หรือเตรียมการอย่างไรบ้าง แล้วเราก็เตรียมแบบนั้นให้นายโดยไม่ต้องรอให้นายสั่งก่อนจึงทำ๓. การปฏิบัติต่อลูกน้อง - ให้ความเป็นธรรม ไม่ลำเอียง ให้ลูกน้องประจบด้วยงานไม่ให้ประจบสอพลอ - ใช้คำพูดที่ให้กำลังใจ ไม่ทำให้เสียกำลังใจ - รักษาน้ำใจลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน และ เช่น การแก้หนังสือ การรับประทานของว่าง - ให้ความเห็นใจต่อความจำเป็นส่วนตัวของแต่ละคน ถามทุกข์สุข ถามการเดินทางไป - กลับบ้าน เห็นใจไม่ใช้งานใกล้เวลากลับบ้าน - แม้ว่างานจะมากเพียงใด แต่ต้องไปเยี่ยมลูกน้องที่ป่วยเข้าโรงพยาบาลเสมอ “ดีใช้ ไข้รักษา” - ใช้คนให้เหมาะกับงาน รู้ว่าใครถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร สั่งแล้วทำไม่ถูก ใคร่ครวญดูว่าเขาเข้าใจผิดหรือเราสั่งไม่ชัดเจน - พูดกับลูกน้องที่เกเร แบบสองต่อสอง สอบถามความจำเป็นส่วนตัว ขอให้คิดถึงส่วนรวมไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ไม่ด่าว่าต่อหน้าคนอื่น - ไม่ตำหนิโดยออกชื่อบุคคลในที่ประชุม ใช้วิธีเรียกมาคุยตามลำพัง - ไม่ทำลายบรรยากาศในสำนักงานด้วยการระบายอารมณ์ใส่ลูกน้อง - ขอโทษลูกน้องเสมอเมื่อความผิดพลาดนั้นเกิดจากเรา ทำให้เขาต้องพิมพ์ใหม่ ทำใหม่ - ให้เกียรติด้วยคำพูดต่อลูกน้องที่มีอายุมากกว่า แต่ไม่ให้เสียการปกครองตามวินัยพนักงาน - ลูกน้องปฏิบัติไม่ถูกไม่เหมาะสมด้วยเรื่องใด ไม่ต่อว่าทันที ดูที่ตัวเราก่อนว่าสั่งผิดหรือเปล่า พูดหรือเขียนไม่ชัดเจนหรือเปล่า ถ้าตรวจสอบแล้วเราไม่ผิด จะใช้วิธีสอนและอธิบายในสิ่งที่ถูกให้ฟัง - ไม่โทษลูกน้องเมื่อนายตำหนิ เนื่องจากเอกสารผิดพลาด เพราะเราก็มีส่วนในการตรวจผ่านไป - ทำตัวเป็นครูและแม่ที่ดี กล้าพูดกล้าสอน ไม่เป็นแม่ปู - ลูกปู ไม่กลัวลูกน้องไม่ชอบตัวเอง - สนับสนุนลูกน้องที่หารายได้พิเศษโดยสุจริต ไม่เบียดบังเวลาราชการจนเกินไป เช่น ช่วยซื้อของที่นำมาขายนอกเวลางาน ฯลฯ - กล่าวชมเชยและขอบคุณลูกน้องเสมอ ๆ - ดูแลให้มีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำงานของลูกน้องอย่างเพียงพอไม่สั่งงานอย่างเดียว - ใช้งานลูกน้องออกนอกหน่วย ให้ค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ และใช้ในเส้นทางกลับบ้าน - ปกป้อง สนับสนุน ลูกน้องที่ดี - ตักเตือน ลงโทษ ลูกน้องที่ทำผิด - เสียสละให้ลูกน้องบ้าง -- เงิน เวลา - เลี้ยงลูกน้อง ทั้งในและนอกสถานที่ ในโอกาส - เทศกาล อันควร - พาลูกน้องไปเที่ยว พักผ่อน ต่างจังหวัด พร้อมครอบครัว ในโอกาสอันควร - ไปร่วมงานส่วนตัวของลูกน้องตามโอกาสอันควร เช่น งานศพญาติ งานบวช งานแต่งงาน - มีอารมณ์ขันบ้าง แต่ไม่พร่ำเพรื่อ วางตัวให้สมกับเป็นหัวหน้า - สนับสนุนลูกน้องให้ก้าวหน้า ไม่ดึงตัวไว้เพื่อช่วยงานของหน่วยตลอดไป - ไม่กู้ยืมเงินลูกน้อง และไม่ให้ลูกน้องยืม จะเสียการปกครอง หาวิธีช่วยทางอื่น - วางตัวให้ลูกน้องรู้สึกว่า เราเป็นทั้งนาย พี่ เพื่อน ครู หรือพ่อแม่ - เป็นผู้ทำให้ลูกน้องสามัคคีกัน ไม่เป็นผู้แบ่งพวกเสียเอง - เป็นผู้ประสานรอยร้าวระหว่างลูกน้องที่บาดหมางกัน ถึงแม้จะเกิดจากเรื่องส่วนตัวอย่าคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา - ต้องแก้ปัญหา ไม่หนีปัญหา กล้าตัดสินใจ กล้ารับผิดชอบ โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่อาจมีปัญหา หรือเรื่องที่ไม่แน่ใจว่านายเหนือขึ้นไปจะเห็นด้วยหรือไม่ ต้องกล้าเซ็นเอง ไม่ให้ลูกน้องทำการแทน - รู้หน้าที่ของตัวเอง ไม่ต้องรอให้ลูกน้องมาขอร้อง เช่น การประสานงานระหว่างหน่วย - สั่งให้ลูกน้องทำงาน นอกหน่วย นอกเวลา หรือวันหยุด เราควรไปเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ กำกับดูแล ซื้อของกินไปฝาก - ลูกน้องเข้าใหม่ ต้องปฐมนิเทศด้วยตัวเอง และแต่งตั้งมอบหมายคนเก่าให้ทำหน้าที่พี่เลี้ยง - กล้าพูดในที่ประชุมเพื่อสนับสนุนลูกน้องให้ก้าวหน้า หรือปกป้องลูกน้องให้ได้รับความเป็นธรรม จากการพูดของผู้อื่น - ไม่ทำให้ลูกน้องเกิดความรู้สึกว่า เราสนิทกับใครหรือชอบใครเป็นพิเศษ ไม่ให้เกิดคำพูดว่าคนนั้นคนนี้เป็นเด็กนาย๔. การปฏิบัติต่อหัวหน้าระดับเดียวกัน - ให้เกียรติ ไม่ก้าวก่าย ใช้ “ประสาน” “ขอความร่วมมือ” - ไม่อิจฉา ริษยา ชิงดีชิงเด่น แล้งน้ำใจ เอาเปรียบ - จริงใจต่อกัน ร่วมกันทำงานเป็นทีม เพื่อความสำเร็จของหน่วยใหญ่ - ส่งเสริมให้ลูกน้องสองหน่วยสามัคคีกัน ให้มีน้ำใจต่อกัน ไม่คิดว่างานใครงานมัน - แข่งกันทำงานให้ดี ไม่แข่งกันเอาหน้า - หัวหน้ากับหัวหน้า ถูกคอกันดี ลูกน้องก็เป็นสุข บรรยากาศการทำงานก็ดี - หัวหน้ากับหัวหน้า ไม่ถูกกัน ลูกน้องก็เป็นทุกข์ บรรยากาศการทำงานก็ตึงเครียด - นายของเรา ก็พลอยลำบากใจ - จะใช้ลูกน้องของเขา ควรบอกกล่าวกัน เทคนิควิธีการปฏิบัติต่อ “งาน” - แบ่งเป็น ๑. งานทั่วไป ๒. งานเอกสาร ๓. งานการให้บริการผู้ป่วยและญาติ๑. งานทั่วไป - เป็นหัวหน้า ต้องรู้ภารกิจ หน้าที่ และนโยบายของ หน่วย/ผู้บังคับบัญชา - เป็นหัวหน้าเล็ก ต้องรู้ลึก แต่ไม่ต้องรู้หมด - เป็นหัวหน้าใหญ่ ต้องรู้หมด แต่ไม่ต้องรู้ลึก - เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานอยู่ ที่ “หัวหน้า” ควรรู้และมีเอกสารอยู่กับตัว (หรือควรจัดทำหากยังไม่มี) ๑. อัตราการจัดหน่วย ตั้งแต่ระดับบนสุดถึงระดับหน่วยรองของเรา ๒. หน้าที่ของหน่วย และหน้าที่ตามตำแหน่งต่าง ๆ ที่มีระบุไว้อย่างเป็นทางการ ๓. ปฏิทินการปฏิบัติงานในวงรอบปีงบประมาณของหน่วย ๔. บัญชีบรรจุกำลังพลภายในหน่วย ๕. หมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงาน ที่บ้าน และมือถือ ของผู้บังคับบัญชาของหน่วย และของกำลังพลภายในหน่วย ๖. ระเบียบปฏิบัติประจำ (รปจ.) ของหน่วย ๗. ระเบียบของหน่วย เกี่ยวกับสิทธิและสวัสดิการที่เกี่ยวข้อง - บริหารจัดการ โดยการ สั่งการ กำกับดูแล ให้เป็นไปตามภารกิจหน้าที่ของหน่วยและของแต่ละคน - ยึด “หลักการ” ไม่ใช้ “หลักกู” มีเอกสารแสดงได้ - ทำตัวเป็น “เทรนเนอร์” สอนได้ ชกเองได้ - ไม่หนีงาน เช่น ป่วย มีธุระ ในวันที่มีงานที่ไม่อยากทำ หรือทำไม่ถนัด - ต้องดูแลให้มี “คน” และ “เครื่องมือ” ในการทำงาน อย่างพอเพียง ต้องกล้าเสนอแก้ไข ต้องกล้าขอนาย - กระตุ้นลูกน้องให้ตื่นตัวอยู่เสมอ - ใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ -- เลื่อนตำแหน่ง ให้ ๒ ขั้น ตัดเงินเดือน ทำทัณฑ์บน ตักเตือน - เป็นหัวหน้าต้องกล้าคิด กล้าพูด - มองภาพรวมอยู่เสมอ ๑. ทำตามหน้าที่ครบถ้วน ถูกต้อง ทันเวลา แล้วหรือยัง ๒. มีวิธีทำให้เร็ว ให้มาก ให้สะดวก กว่านี้ไหม - นึกถึง “ผู้ป่วย” เป็นหลัก ทำอย่างไร ที่จะช่วยให้เขาคลายทุกข์กายใจ ได้เร็ว ได้มาก ได้สะดวก - หมั่นประชุมเป็นนิจ รับฟังความคิดของลูกน้อง แต่อย่าพูดนาน พูดมากไม่เข้าเรื่อง จนลูกน้องไม่มีเวลากลับไปทำงาน - ไม่ “คิด” และ “พูด” ว่า “เขาก็ทำกันมายังงี้” - คิดที่จะ “พัฒนา” หรือ “ปรับปรุง” งานให้ดีขึ้น เร็วขึ้น สมบูรณ์ขึ้น อยู่เสมอ - ประสานงานด้วยวาจาให้มาก เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ต้องทำหนังสือให้เสียเวลา (ยกเว้นต้องการ หรือต้องมีเป็นหลักฐาน) ๒. งานเอกสาร - ต้องมีสติ จัดลำดับความเร่งด่วนของงาน - ต้องกระจายงาน แบ่งงาน แต่ไม่ใช่แบ่งไปหมด ตัวเองรอเซ็นอย่างเดียว - ต้องควบคุมงานทั้งหมดของหน่วย อย่าให้เสมียนหรือเจ้าหน้าที่ รับ - ส่ง หนังสือ เป็นคนคุม - เป็นหัวหน้า ควรมีเอกสารอ้างอิง หรือข้อมูลสำคัญ ไว้ใกล้ตัว - ไม่หวงข้อมูลเก็บไว้รู้คนเดียวเพื่อทำให้ตัวเองเป็นคนสำคัญที่รู้เรื่องดี -- เตรียมข้อมูลให้นายบ้าง บอกให้ลูกน้องรู้บ้าง - ควรจัดทำแฟ้มนโยบาย ผบช.ไว้คอยเตือนตัวเอง - งานบางงาน ลูกน้องไม่อยู่ หรือนายต้องการด่วน ต้องลงมือทำเองได้ - ไม่ซุกเรื่อง ดองเรื่อง ผลัดวันประกันพรุ่ง - เซ็นแล้วต้องรับผิดชอบ ไม่โทษลูกน้องเมื่อนายตำหนิ ให้อภัยลูกน้อง ให้คำแนะนำ เล่าให้ฟังเพื่อให้ช่วยกันระวังไม่ให้เราถูกด่า ไม่ใช่ด่าลูกน้องต่อ (ควรด่าตัวเองด้วย) ให้กำลังใจ “คนที่ไม่เคยทำผิด คือคนที่ไม่เคยทำอะไร” - ถ้านายชมยกความดีให้ลูกน้อง บอกให้นายรู้ว่า คนทำเริ่มต้นคือใคร ใครกำกับดูแล - ไม่ว่าจะได้รับคำชมหรือคำตำหนิ ควรประชุมชี้แจงหรือเวียนให้ลูกน้องทุกคนทราบทั่วกัน เพื่อเป็นกำลังใจ หรือระวังไม่ทำให้หน่วยเราถูกตำหนิในเรื่องแบบเดียวกันนี้อีก (ไม่ใช่ประจาน) - หน้าห้องนายแก้หนังสือเรา ถ้าเราผิดจริงยอมแก้โดยดุษณีและขอบคุณเขาที่ช่วยดูไม่โกรธ แต่ถ้าเขาผิด ขึ้นไปอธิบายให้ฟังหรือเขียนโน้ตชี้แจง ขออนุญาตยืนยันตามเดิมยกเว้นนายสั่งแก้ - เรื่องด่วนที่สุด สำคัญจริง ๆ ต้องรู้วิธีลัดขั้นตอน ทั้งการเสนอเซ็น และการให้ม้าเร็วไปส่งหนังสือถึงตัวบุคคลหรือหน่วยที่จะต้องปฏิบัติ ไม่ยึดติดกับระเบียบปฏิบัติจนเกินไป - ให้เกียรติหน้าห้องนายในการตรวจแก้หนังสือ ถึงแม้เขาจะระดับต่ำกว่า ถือว่าเขาช่วยไม่ให้หนังสือของหน่วยผิดพลาด - เป็นหัวหน้า ต้องร่างหนังสือเองได้ พิมพ์เองได้ยิ่งดี - ไม่แก้ร่างหนังสือของลูกน้องโดยฉีกทิ้งทั้งฉบับหรือร่างใหม่ทั้งหมด พยายามใช้กระดาษของเขาและข้อความของเขาให้มากที่สุด เพื่อรักษาน้ำใจและเสริมสร้างกำลังใจ - การแก้ร่างหนังสือไม่ใช้วิธี “พูดอย่างเดียว” (แก้ด้วยปาก) ว่าให้ไปปรับอย่างนั้นอย่างนี้ ลูกน้องจะอึดอัดและบ่นในใจว่า “ก็ผมคิดได้แค่นี้ จะให้แก้อย่างไรก็เขียนมาสิ” ควรลงมือแก้ในร่างของเขาเพื่อให้เขามีตัวอย่างเก็บไว้ดูด้วยว่าเราคิดอย่างไรเขียนอย่างไร - รีบทำเรื่องด่วนทันทีที่เห็นไม่รอให้ลูกน้องนำมาให้ตามขั้นตอน - เซ็นแฟ้มทันทีที่ลูกน้องนำมาวางไม่ให้เรื่องแช่อยู่ที่โต๊ะเรา - รีบแจ้งเรื่องสำคัญเร่งด่วน ที่เกี่ยวข้องกับกำหนดการปฏิบัติของนาย ให้หน้าห้องทราบในชั้นต้นก่อน แล้วจึงทำงานหนังสือ ๓. งานการให้บริการผู้ป่วยและญาติ - กระตุ้นจิตสำนึกให้ทุกคนตระหนักว่า “เราจะทำงานเพื่อผู้ป่วย” เป็นหลักสำคัญกว่า ไม่ใช่ “ทำงานเพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง” - คิดอยู่เสมอว่า “ถ้าไม่มีเขา ก็ไม่มีเรา” - คิดเสียว่าสงสาร - คิดว่าเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง ของเรา - เน้นการต้อนรับ การพูด การอดกลั้น - ไม่ทำตัวให้ผู้ป่วยและญาติรู้สึกว่า “เรา” เป็น “เจ้านาย” - คนไม่ดีย่อมมีอยู่ทุกวงการ ต้องพยายามทำใจ ไม่เหมารวม เทคนิควิธีการปฏิบัติต่อ “เวลา” - เวลาแล้วเสร็จที่หน่วยเหนือกำหนด แบ่งเป็น ๓ ส่วน เราใช้ไม่เกิน ๑ ส่วน ให้ลูกน้อง ๒ ส่วน - จัดลำดับงานตามความเร่งด่วนของเวลา - ปรับลำดับงานอยู่เสมอเมื่อมีงานใหม่เข้ามา ไม่ใช่ทำตามคิวโดยไม่พิจารณาความสำคัญเร่งด่วน - ใช้เวลาเป็นเครื่องมือควบคุมการปฏิบัติงานของลูกน้อง - แบ่งเวลาให้ลูกน้องอย่างเหมาะสม - เรื่องที่ต้องใช้ความคิดพิจารณา ควรทำตอนเช้าซึ่งเป็นเวลาที่สมองปลอดโปร่งแจ่มใส - ทำปฏิทินการปฏิบัติงานของหน่วยในรอบ เดือน/ปี - ใช้ตารางนัดหมายหรือปฏิทินช่วยจำบนไวท์บอร์ด เป็นเครื่องช่วยบันทึกเวลาการปฏิบัติงานต่าง ๆ - บางครั้งต้องใช้เวลาส่วนตัวทำงานให้ราชการ โดยนำงานกลับไปทำที่บ้านตอนกลางคืนหรือในวันหยุด เทคนิควิธีการปฏิบัติต่อ “ทรัพยากร” - สำรวจเครื่องมือเครื่องใช้ว่ามีครบตามอัตราที่กำหนดหรือไม่ - เบิกให้ครบ ส่งซ่อม ขอจัดหาเพิ่มเติม - ใช้คอมพิวเตอร์และพริ้นเตอร์แบบรวมการ เชื่อมต่อระบบ LAN - กำหนดผู้รับผิดชอบวัสดุอุปกรณ์แต่ละชิ้น ติดป้าย - เบิกหมึกพิมพ์หรือวัสดุสิ้นเปลืองไว้ล่วงหน้า หรือกำหนดเวลาเบิกให้ชัดเจน ไม่รอให้ของหมดจึงเบิก - บางครั้งอาจต้องเสียสละเงินส่วนตัว จัดหาวัสดุบางรายการ เพื่อให้ลูกน้องมีของใช้ - กระตุ้นจิตสำนึกทุกคนในหน่วยงาน ให้ช่วยกัน “ประหยัด” ทรัพยากรทุกอย่าง - กระดาษที่ถ่ายเอกสารเสีย หรือที่พิมพ์เสีย นำมาใช้ร่างหนังสือ หรือตัดทำกระดาษโน้ต - กำหนดลำดับความเร่งด่วนในการใช้ทรัพยากร ตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนของงาน ไม่กำหนดตามความสำคัญของตัวบุคคล - นำของที่ใช้แล้วแต่ยังใช้ได้อีกกลับมาใช้ใหม่ เช่น แฟ้มปกแข็ง - นำเอกสารข้างในออกใช้เชือกมัดไว้ หรือใส่กล่องใส่ตู้ สรุป - การบริหารงาน คือ วิธีการใช้ “คน เงิน เวลา ทรัพยากร” ที่มีอยู่ เพื่อปฏิบัติภารกิจของหน่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด - “คน” เป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากบริหาร “คน” ได้ คนก็จะช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ - “ใจ” เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของ “คน” หาก “ครองใจ” ได้ ก็จะ “ครองคน” ได้ - จะ “ครองใจ” คนได้ ต้อง “จริงใจ” กับเขาก่อน - จะ “จริงใจ” กับผู้อื่นได้ ต้อง “จริงใจ” กับตัวเองก่อน Malaysia Tours China Tours Bali Indonesia Tours
Malaysia is not only about the vibrant fusion of Malay, Indian and Chinese cultures; it is also about the beautiful beaches, soaring mountains and lush natural parks. PassionAsia compiles a great range of activities and things to do in Malaysia. |